รวมนิทานอีสป
นิทานอีสปภาษาอังกฤษเรื่องสั้น
นิทานอีสป
หน้าแรกนิทานเด็ก นิทานอีสปเรื่องสั้น วิดีโอคลิปนิทาน บทเรียน ก-ฮ หัดเขียน a-z หัดเขียนเลข 1-10 ศัพท์ภาษาอังกฤษ บทเรียนมานี มานะ ติดต่อเรา

นิทานอีสปเรื่องมดกับตัวดักแด้

นิทานอีสปเรื่องมดกับตัวดักแด้


ในคืนวันหนึ่งที่ในป่าลึกได้เกิดลมมรสุมลูกใหญ่พัดกระหน่ำลงมาตลอดทั้งคืน...เรียกว่ามันเป็นคืน ที่สยองและโหดร้ายอย่างมากเลยทีเดียว...และกว่าลมมรสุมลูกนั้นจะพัดผ่านพ้น ลงไปก็เช้าพอดี พระอาทิตย์แย้มหน้าออกมาส่องแสงให้ความสว่างไสวไปทั่วทั้งป่า มีมดตัวหนึ่ง ค่อย ๆแย้มหน้าของมัน โผล่หัวออกมาจากใต้ใบไม้แห้งที่วางปิดอยู่บนปากหลุมใต้ต้นไม้ต้นใหญ่ต้น หนึ่งที่เมื่อคืนมันได้ใช้ เป็นที่หลบลมพายุลูกร้ายลูกนั้นอยู่ทั้งคืน... " โอ้ย...สุดแสนจะน่ากลัวและโหดร้ายมากเลยเมื่อคืนนี้ " เมื่อมันโผล่หัวออกมาได้ ก็บ่นงึมงำอย่างหัว เสียเป็นที่สุด แล้วขณะนั้นมันก็ได้เหลือบไปเห็นสิ่งหนึ่งเข้า เจ้าสิ่งนั้นเคลื่อนไหวไปมาอย่างลำบาก ลำบนกลิ้งกระดืบออกมาจากใต้ใบไม้แห้งข้าง ๆตัวของมัน มันหละให้เป็นนึกขะหยะขะแหยง และความรู้ สึกไม่ค่อยจะดีในความน่าเกลียดของเจ้าสิ่งที่มันได้เห็นนั้น ทำไมถึงน่าเกลียดน่าชังอย่างนี้นะ...มันคิด แล้วก็พร้อมกันนั้นมันก็พูดขึ้นกับเจ้าสิ่งนั้นว่า " นี่เอ็ง...เป็นตัวอะไรฟะ มือก็ไม่มีขาก็ไม่มี จะเคลื่อนไหว แต่ละทีก็ลำบากลำบนออกอย่างนั้น...ทำไมเจ้าถึงเป็นแมลงตะกูลที่น่าเกลียดที่ สุดในโลกอย่างนี้เล่า... " สิ่ง ที่มันนึกขะหยะขะแหยงนั้นคือตัวดักแด้ ที่กำลังรอเวลาที่จะลอกคราบอยู่ในอีก ไม่นานแต่เพราะลม มรสุมเมื่อคืน มันจึงโดนพัดให้ตกลงมาสู่พื้นดินด้านล่างอย่างโชคร้าย..." ขอโทษทีนะท่าน ที่ทำให้ท่านความรู้สึกไม่ดีเมื่อเห็นเราเข้า เราเป็นดักแด้ตัวอ่อนของแมลงชนิดหนึ่ง มือก็ไม่มี ขาก็ไม่มี จึงเดินไม่ได้เหมือนอย่างท่าน" เจ้ามดเมื่อได้ฟังดังนั้นก็ทำหน้าเบ้ แล้วพูดว่า " แมลงอย่างเจ้า เกิดมามีกรรม เสียชาติเกิดนะ เป็นแมลงจะต้องมีขาแล้วต้องเดินได้ปีนต้นไม้ได้ เหมือนอย่างข้านี่สิ ถึงจะเรียกว่าแมลง ไม่เสียชาติเกิด...ช่างเป็นเรื่องที่น่าอายอย่างเหลือเกิน ถ้าจะให้ข้านับ เจ้าว่าเป็นพวกพ้อง แมลงเผ่าพันธุ์เดียวกันกับข้า ฮึ...เสียความรู้สึกเป็นที่สุด " เจ้ามดพูดว่าและดูถูกตัวดักแด้ตัวนั้นให้เสียใจ อย่างมาก...แล้วมันก็เดินหนีจากไปทันที... เมื่อ เวลาได้ผ่านมาวันหนึ่ง หลังจากที่ฝนได้ตกลงมาอย่างหนัก พื้นดินทั่วทั้งป่าก็บรรดาลให้เกิดเป็นโคลน เป็นตมไปหมดทั่วทุกที่ ขณะที่เจ้ามดตัวเดิมกำลังเดินลุยโคลนอยู่ด้วยความลำบากลำบนเพราะกว่ามัน จะก้าวขาออกไปข้างหน้าได้แต่ละก้าวนั้น โคลนเหลว ๆที่เกาะอยู่ตามแข้งตามขาของมัน คอยยึดขาของ มันไว้ติดเหนียวแน่นทำให้เดินลำบากน่ารำคาญอย่างยิ่ง มันจึงบ่นขึ้นด้วยความหัวเสีย " โอ้ย...โคลนเละ ๆ เหลว ๆทั้งนั้น เดินลำบากยากเย็นเสียจริง ๆ " มันบ่นไปเดินไปและคิดว่าแหมวันนี้มันช่างโชคร้าย เสียเหลือเกิน...แล้วขณะนั้นอยู่ ๆก็มีเสียง ๆหนึ่งดังขึ้นมาจากด้านบนเหนือหัวของมันว่า " แมลงที่มีขา อย่างเดียวไม่มีปีกบินไปไหนมาไหนหนีภัยไม่ได้อย่างเจ้า ก็จำเป็นจะต้องได้รับกรรมจำต้องเดินด้วย ความลำบากลำบนในที่ ๆทีเป็นโคลนเป็นตมอย่างนั้น ช่างน่าสงสารเสียเหลือเกินนะเนี่ย... เกิดมาเป็นแมลงมีแต่ขาอย่างเดียวอย่างเจ้านี่เสียชาติเกิดนะ เจ้ามดเอ๋ย..ช่างน่าอายเหลือเกินถ้าจะให้ข้านับเจ้า ว่าเป็นแมลงเผ่าพันธุ์พวกพ้องเดียวกันกับข้า...ช่างน่าอายเสียจริง ๆ" เจ้ามดรีบเงยหน้าขึ้น มองตามเสียงที่พูดดูถูกดูแคลนมันอยู่ทันที แล้วมันก็ได้เห็นผีเสื้อที่สวยงามมาก ตัวหนึ่งกำลังกะพือปีกที่กว้างใหญ่และสวยงามนั้นเหมือนอวดเยาะเย้ยอยู่ด้านบนมันจึงพูดว่า " อันนั้นมัน เรื่องของข้า ก็ข้าเกิดมาไม่มีปีกเหมือนเจ้านี่ก็จำเป็นที่จะต้องเดินลุยโคลนลุยตมอยู่ อย่างนี้ แล้วทำไม เจ้าจึงมาว่าข้าอย่างเสียหายอย่างนี้เล่า " ผีเสื้อจึงตอบออกมาแบบเหยียดหยามว่า " เจ้ามดจอมปากเสีย ข้าคือตัวดักแด้ตัวที่แกเคยพูดดูถูกเหยียดหยามเอาไว้ครั้งหนึ่งให้ต้องได้ ช้ำใจ...เจ้าพอจะนึกออกไหม?ล่ะ ตอนนี้ข้าได้ลอกคราบออกมาแล้วเป็นผีเสื้อมีปีกที่สวยงามและสามารถที่จะบินไป ในที่ไหนๆ ได้อย่างสะดวก สบายและอิสระ...น่าสงสารเจ้านะเกิดมาไม่มีปีก มีแต่ขาก็กรรมมากพออยู่แล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถที่จะเดิน ได้อย่างอิสระเสียอีกอย่างที่ข้าได้เห็นนี่น่ะ " ว่าทิ้งท้ายเสร็จแล้ว ผีเสื้อก็กระพือปีกและบินจากไป...

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า

“หัวเราะทีหลังย่อมดังกว่าเสมอและอย่างแน่นอนด้วย”